วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2556

3 เลี่ยง ลดความเลี่ยงจากความดันโลหิตสูง

3 เลี่ยง ลดความเลี่ยงจากความดันโลหิตสูง



 ความดันโลหิตสูง  เป็นอีดหนึ่งปัญหาสุขภาพที่คุกคามคนไทย  และนับวันจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ  หลายคนเข้าใจว่าความดันโลหิตสูงนั้นเป็นภาวะที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุเท่านั้นซึ่งในความเป็นจริงแล้วคนในวัยทำงานวัยรุ่น  หรือแม้แต่เด็กก้อาจมีความดันโลหิตสูงได้
                หากปล่อยให้ร่างกายมีภาวะความดันโลหิตสูงเป็นระยะเวลานานๆ  ก็ยิ่งจะทำให้อวัยวะต่างๆ  ของร่างกายถูกทำลายลงไปทุกขณะ  และนี่แหละคือ “อันตราย”  ของการที่มีความดันโลหิตสูง  เพราะภาวะความดันโลหิตสูง  ถือเป็นตัวบ่งชี้สัญาณการมาของโรคหลอดเลือด  ทิ  เส้นเลือดในสมองแตก  โรคหลอดเลือดหัวใจ  หรือไตวาย  เป็นต้น
                การได้รู้ถึงระดับความกันโลหิต  การป้องกัน  และลดความดันโลหิตนั้น  จึงเป็นแนวทางปฏิบัติที่ดี  เพื่อลดดอกาสของการนำไปสู่ภาวะอันตรายต่างๆ
                มีพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน 3 ประการที่คุณควรเลี่ยง  เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะจากความดันโลหิตสูงลงแม้ว่าหลายตยจะบอกว่า 3 ประการนี้แหละที่เลี่ยงยากที่สุด  แต่ก็อยากให้มองไปถึงผลที่ยิ่งใหญ่จากการเลี่ยง  ลด  ละ  เลิก  พฤติกรรมทั้ง 3 ประการนี้  ซึ่งจะสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้าย  และอันตรายจาก “ความดันโลหิตสูง”  ไดอย่างแน่นอน
  • เลี่ยงกาแฟ
เครื่องดื่มที่จำเป็นต้องเลี่ยง  คือ  ชา  กาแฟ  เพราะจะมีผลต่อความดันโลหิตโดยตรง  เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่พูดง่ายทำยาก  มีคนจำนวนมากที่ติดกาแฟเป็นนิสัย  ดงันั้น  กำหนดเป้าหมาย  การควบคุมความดันโลหิตอีกข้อหนึ่งของคุณไว้ที่การลด  ละ  เลิก  ชา  กาแฟ  ลงให้ได้ภายในเวลาที่กำหนด
  • เลิกบุหรี่
ในบุหรี่  มีสารตัวร้ายที่คุณก็รู้  นั้นคือ  “นิโคติน”  ที่ส่งต่อระดับของความดันโลหิต  และยิ่งจำนวน “มวน”  มากขึ้นเท่าไหร่  ปริมาณนิโคตินที่เข้าสู่ร่างกายก็มากขึ้นตามไปด้วย  และนิโคตินยังไปกระตุ้นให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนแอพริเนฟริน  ซึ่งมีผลต่อความดันโลหิตโดยตรง  เริ่มการเลิกบหรี่ของคุณ  ด้วยความตั้งใจเริ่มต้นในการลด “จำนวน”  ลงทีละมวน  โดยกำหนดระยะเวลาที่แน่ชัดเป็นเป้าหมายด้วย
  • งดเหล่า  เบียร์
สิ่งหนึ่งที่พบเป้นประจำ  คือ  ผุ้ที่ดื่มเหล้ามักสูบบุหรี่  และดื่มชาหรือกาแฟ  ดังนั้น  เมื่อคุณกำหนดให้ตัวคุณเอง  ลด  ละเลิก  อย่างใดอย่างหนึ่ง    ก็มีความเป็นไปได้ว่า  อีก 2 ประการจะลดปริมาณลงตามไปด้วย  อาทิ  ไม่ดื่มเหล้า  ก็สูบุหรี่น้อยลง  แต่หากไม่สามารถทำได้  ให้ทำเท่าที่เหมาะสม  และคิดว่าทำได้จริง  เช่น  งดเหล้าก่อน  ค่อยลดปริมาณการสูบบุหรี่น้อยลง  เพราะหากคุณเข้ามงวดเกินไป  คุรอาจเลิกล้มความตั้งใจในเร็ววัน  มากกว่าที่จะทำต่ไปจนสำเร็จอย่างน้อยอย่างใดอย่างหนึ่ง  แต่จำไว้ว่า  ทั้ง 3 ประการนั้นเกี่ยวกันกัน  เหล้าทำให้คุณควบคุมตัวเองลำบาก  กาแฟอาจจะทำให้คุรเคยชินที่จะต้องสูบบุหรี่ไปด้วย  บางครั้งการเลิกอย่างใดอย่างหนึ่งอาจจยากกว่าการเลิกพร้อมกัน  ทั้ง  เหล้า  บุหรี่  และชา  กาแฟ
มีรายงานผลการวิจัยทำในประเทศฝรั่งเศส ปี 2002  กับกลุ่มตัวอย่าเพศชายจำนวน 12,417  ราย  ทั้งที่เคยสูบบุหรี่  และไม่เคยสูบบุหรี่  และกลุ่มที่ยังคงสูบบุหรี่อยู่ในปัจจุบัน  พบว่ากลุ่มที่ยังคงสูบบุหรี่อยู่  มีอัตราการผู้ป่วยความดันโลหิตสูงมากที่สุด  และลดลงตามลำดับจากผู้ที่คนเคยสูบแล้วเพิ่มเลิกสูบไม่นาน  ไปจนถึงเลิกสูบนานแล้ว  ส่วนใครที่ไม่เคยสูบบุหรี่เลย  มีอัตรการเกิดความดันโลหิตสูงน้อยที่สุด
5. ขั้นตอนดับบุหรี่
                เมื่อคุรตั้งใจแล้วว่า  คุณจะเลิกสูบบุหรี่แน่นอนแล้ว  และกำลังมองหาแนวทางการเลิกบุหรี่ที่เหมาะสมกับคุณ  ลองมาดู 5 ขั้นตอนของการเลิกสูบบุหรี่  คือ
  1. กำหนดวันที่แน่นอนที่คุณจะ “เลิกสูบบุหรี่”  ให้ได้
  2. เขียนเหตุผลในการที่คุณควรที่จะ “เลิกสูบบุหรี่  เอาไว้ในสมุดบันทึก  เพื่อหยิบขึ้เนมาอ่านทุกครั้งที่คุณเริ่มลังเล
  3. ฟิตร่างกาย  งดดื่มกาแฟ  เพื่อให้ร่างสามารถนอนหลับได้หลังจากเลิกบุหรี่แล้ว
  4. ผ่อนคลายความเครียดด้วยการออกกำลังกาย  และดื่มเครื่องดื่มประเภทน้ำสมุนไพร  เพื่อผ่อนคลาย
  5. หากมีอาการไอ  รักษาอาการไอด้วยยาแก้ไอ  หรือยาอม
เมื่อคุณเลิกสูบบุหรี่ได้สักพักหนึ่ง  น้ำหนักคุณจะพิ่มากขึ้น  หลายคนกลับไปสูบบุหรี่อีก  เพราะเอาสาเหตุนี้มาใช้เป็นข้ออ้าง  แต่ความเป็นจริงแล้ว  มีหลายวิธีที่จะควบคุมน้ำหนักลงได้  น้ำหนักที่เกินมาไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด
คนส่วนใหญ่สูบบุหรี่เพราะสาเหตุ “เครียด”  จนทำให้ติดกลายเป็นนิสัย  ความเครียดทำให้ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียว  แต่หากเครียดแล้วสูบบุหรี่  ก็เป็นแนวทางที่จะยิ่งเสริมให้ความดันเพิ่มมากขึ้นไปอีก  ไม่ดีต่อสุขภาพร่างกายทั้ง 2 ประการ
เชื่อหรือไม่ว่าผุ้ที่เลิกสูบบุหรี่ได้  หลังจากที่กำหนดแผนการสูบบุหรี่แล้ว  กลับมาสูบบุหรี่ใหม่ภายใน 3 เดือนแรกหลังจากที่งดสูบบุหรี่ไปได้  เหตุผลอาจมาจากการที่เข้าชื่อมั่นว่า  เขาสามารถทำได้  และผลของความเชื่อนั้นได้รับการพิสูจน์แล้ว  ว่าเขาทำได้จริง  จึงซะล่าใจว่ากลับมาสูบบุหรี่ใหม่ก็ได้ไม่เป็นไร  เพราะว่า “สูบได้ก็เลิกได”  แนวคิดนี้ไม่จริง  หากคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดเช่นนี้  รับเปลี่ยนแปลงความคิดคุณเสีย  เพราะว่า  ท้ายที่สุดแล้ว  คุณจะพบว่า  ตัวคุรเองยังคงสูบบุหรี่อยู่  ทั้งที่รู้ว่าตัวเองทำได้
หากว่าความตั้งใจของคุณครั้งแรกไม่ประสบผลสำเร็จ  อย่าเพิ่งท้อถอยให้คุณกลับไปเริ่มกระบวนการ “เลิกบุหรี่”  ใหม่ให้เร็วที่สุด  ทำซ้ำๆ  เช่นนี้  จนกว่าคุรจะเลิกได้สำเร็จ  อย่าลืมว่าเป้าหมาย  คือการเลิกบุหรี่ให้สำเร็จ  ไม่ใช่การทำไห้ได้เพียงครั้งเดียว
หากคุณไม่สามารถเลิกบุหรี่ได้ด้วยตัวเองจริงๆ  มีวิธีการบำบัดเพื่อการเลิกสูบบุหรี่อีกหลายแนวทางเช่น  การใช้สารทดแทนนิโคติน  ยาเลิกบุหรี่  หรือนวัตกรรมใหม่  เช่น  น้ำยาหยดเพื่อลดปริมาณนิโคตินจากบุหรี่แต่ละมวน  คุรสามารถปรึกาแพทย์  หรือโทรสายดวนเพื่อการเลิกบุหรี่ 1600  แต่ขอย้ำอีกครั้งว่าบุหรี่นั้นเกี่ยวพันกับความโลหิตสูงโดยตรง  แถมพกด้วยโรคร้ายต่างๆ  มากมาย  ใน 3 พฤติกรรมนี้ที่คุณเลี่ยงให้ได้มากที่สุด  คือ บุหรี่นั้นเอง
นอกจากบุหรี่แล้วรองลงมาคือ แอลกฮอล์  ไม่ว่าจะเป็นเหล้า  เบียร์  หรือไวน์  หากคุณเป็นคนที่ติดเครื่องดื่มแอลกอออล์อย่างหนัก  จำไว้ว่า  การงดดดยเด็ดขาด  หรือ “หักดิบ”  นั้นอัตรายต่อร่างกายอย่างมากเพราะความดันโลหิตของคุรจะเพิ่มสูงขึ้น  จนอาจเกิดอันตรายต่อร่างกายได้  ให้พยายามลดปริมาณการดื่มลงเรื่อยๆ  โดยใช้วิธีกำหนดเป้าหมายเช่นเดียวกับการเลิกบุหรี่
การเลิกเหล้า  หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจจะทำให้ยากกว่าการเลิกบุหรี่  เพราะจากผลวิจัย  พบว่ามีกลุ่มคนที่จัดเป็นพวกติดเหล้าเพียง  ร้อยละ 4 เท่านั้น  ที่สามารถเลิกเหล้าได้ด้วยตัวเอง  แล้วมีสติกกลับคืนมาได้เหมือนเดิมภายในเวลา 1 ปี  แต่หากได้รับการบำบัดรักษา  จะมีดอกาศเลิกเหล้าเพิ่มมากขึ้นถึง  ร้อยละ 50 ดังนั้นหากคุณเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือ  พวกที่ติดเหล้าแล้วได้รับการทำกลุ่มบำบัดมีโอกาสเลิกได้มากถึงร้อยละ 90
ส่วนชา  กาแฟ  นั้นมี  คาเฟอีนเป็นส่วนประกอบที่สำคัญซึ่งทำให้คุณ  “ติด”  ปริมาณคาแฟอีนในกาแฟ 1 แก้ว  มีแต่ปริมาณตั้งแต่ 100 มิลลิกรัม  จนถึง 300 มิลลิกรัม  แล้วแต่ปริมาณและชนิดของกาแฟ  ดังนั้น  ยิ่งจำนวนแก้วมาขึ้นปริมาณคาเฟอีนย่อมมากขึ้นตามไปด้วย  วีการที่คุณจะเริ่มลด “คาเฟอีน”  ในรางกาย  ทำได้ 2 ทาง  คือ  ลดปริมาณกาแฟที่ใส่ลงไปในแต่ละแก้ว  จาก 2 ช้อนชา  อาจเหลือ 1 ช้อนชา  เหลือครึ่งช้อนชา  และลดความถี่ในการดื่มกาแฟลง  จาก  เช้า – เย็น  เหลือ  เช้าอย่างเดียว  แล้วค่อยทดแทนด้วยเครื่องดื่มที่มีคุณค่าต่อร่างกายมากขึ้น  เช่น  นมพร่องมันเนยเวลาเช้า  หรือหากคุณเริ่มทำกิจกรรมการออกกำลังกายตอนเช้า  เวลาที่เคยเป็นเวลากาแฟ  ก้จะเปลี่ยนเป้นเวลาออกกำลังกาย  ความรู้สึกอยากดื่มกาแฟตามกิจนิสัยจะหายไป
พฤติกรรมที่ทำเป็นประจำทั้ง 3  ประการนั้น  จัดอยู่ในกลุ่มของการ “ติด”  ทั้งติดสารที่ข้างใน  และติดใจบรรยากาศความเพลิดเพลิน  ติดจนต้องกระทำเป้นประจำ  การจะเลี่ยง  ลด  ละเลิกได้ จำเป็นต้องมีสติ  พิจารณาให้ถ้วนทั่วว่าคุณ “ติด”  สิ่งเหล่านั้นเพราะอะไร  แล้วทำไมคุณจึงสมควรเลี่ยง  และเลิก
                ไม่มีอะไรยากไปกว่าที่คุรตั้งใจ
                และไม่มีอะไรที่คุณจะทำไม่ได้หากคุรเชื่อมั่น
ที่มา : นิตยสารใกล้หมอ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น