วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2556

น้ำผึ้ง ยาดีไม่มีขม

น้ำผึ้ง ยาดีไม่มีขม



  ใครว่าต้องขมเท่านั้นถึงจะเป็นยา  น้ำผึ้งนี้ไว  ทั้งเป้นยาสารพัดปรโยชน์แถมยังหลานเจี๊ยบไม่น้อยหน้าใครอีกเวย  แต่น้ำผึ้งจากดอกไม้ต่างชนิดก็จะมีประโยชน์ต่างกันใครปลื้มแบบไหน  เลือกได้ตามอัธยาศัย
น้ำผึ้งจากเกสรดอกลำใย
                บำรุงเลือด  บำรุงสมอง  ช่วยให้ความจำดี  และนอนหลับสบาย
น้ำผึ้งจากเกสรดอกลิ้นจี่
                ขับความร้อนในร่างกาย  ใช้บรรเทาความร้อนจากแผลไฟลวก  ขับลม  แก้พิษ
น้ำผึ้งจากเกสรอบเชยป่า
                ขับความร้อน  กระตุ้นความยากอาหาร  บำรุงม้าม  บำรุงประสาท
น้ำผึ้งจากเกสรดอกส้ม
                ลดอาการบวมอักเสบ  ขับพิษ  แก้กระหายน้ำ
ประโยชน์
                น้ำผึ้งแท้มีน้ำตาลเด็กซ์โทสและฟรุคโทส  ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการและมคุณสมบัติความเป็นยาสูง  และยังอุดมไปด้วยวิตามินบี 1 บี 2 วิตามินอี  วิตามินเค  วิตามินซีตามธรรมชาติ  กรดอะมิโน  กรดไขมัน  เกลือแร่  สังกะสี  และทองแดง  ถ้าเอาไปผสมรวมกับสมุนไพรจึงกล่ยเป้นยาที่หลายชาตินิยมใช้
                ในตำราจีนบันทึกไว้สรรพคุรของน้ำผึ้งไว้ว่าสามารถขับร้อน  บำรุงกระเพราะอาหาร  ม้าม  ขับพิษ  รักษาแผล  ทำหชุ่มชื่นลดความแห้ง  แก้ไอ  และแก้ปวดได้
                หมอในอเมริกาและแคนาดาให้คนป่วยทานขนมปังทาน้ำผึ้งผสมผงอบเชยทุกวัน  เพื่อช่วยลดโคเลสเตอรอล  ป้องกันโรคหัวใจ  ทำให้หัวใจเต้นปกติ
                ในตำรายาของไทย  น้ำผึ้งช่วยให้ร่างกายดูดซึมตัวยาได้เร็วกระตุ้นการทพงานของไต  กระจายเลือดไปเลี้ยงทุกส่วนของร่างกายทำให้มีกำลัง  สำหรับผู้ชายที่มีอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศถ้าได้ทานน้ำผึ้งแท้วันละ 2 ช้อนโต๊ะ  ก่อนอนเป็นประจำทุกวัน  อาการจะดีขึ้น
                ถ้าได้อื่มน้ำผึ้งแท้ชงน้ำอุ่น  ก่อนทานอาหาร  1-1 ½  ชั่วโมงจะยับยั้งไม่ให้กระเพราะหลั่งกรดออกมามากเกินไป  เหมาะสำหรับหลังกรดออกมามากเกินไป  เหมาสำหรับคนที่เป็นแผลในกระเพราะอาหาร  แต่ถ้าชงกับน้ำเย็นจะกระตุ้นในกระเพราะอาหารหลั่งกรอมากขึ้น  กระตุ้นการบีบตัวของลำใส้  แก้ปัญหาอาหารไม่ย่อยและท้องผูก
                ไม่ควรดื่มน้ำผึ้งหลังอาหารทันที  เพราะระดับน้ำตาลในเลือดจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว  และกระตุ้นให้กระเพราะหลังกรดมากเกินไป  ถ้าจะดื่มต้องทานอาหารไปแล้วประมาณ 2 -3 ชั่วโมง
                สาวๆ ที่นอนหลับยาก  ถ้าได้น้ำผึ้งชงกับน้ำเปล่าก่อนอนสักแก้วจะช่วยให้หลับสบาย
                ที่มา : นิตยสาร SPICY



คุณสมบัติของจุลินทรีย์โปรไบโอติก (Probiotics Characteristics)

คุณสมบัติของจุลินทรีย์โปรไบโอติก (Probiotics Characteristics)

bio3_img

โปรไบโอติก  เป็นจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในทางเดินอาหารของมนุษย์และสัตว์ซึ่งจะส่งเสริมสุขภาพของเจ้าบ้าน (host) ให้ดีขึ้น  ดังนั้นการที่โปรไบโอติกจะสามารถผ่านลงไปในลำไส้และเจริญเพื่อส่งเสริมสุขภาพของเจ้าบ้านให้ดีขึ้นได้นั้นต้องมีคุณสมบัติหลายประการ  เพื่อสามารถทนต่อสภาวะที่รุนแรงในทางเดินอาหารส่วนบนได้  เช่น
- โปรไปโอติกต้องสามารถทนต่อสภาวะกรดในกระเพราะอาหารได้ดี  เนื่องจากกระเพราะอาหารจะมีพีเอชอยู่ในช่วง 1-3 ซึ่งเกิดจากร่างกายหลังกรดไฮโดรคลอริกออกมาเพื่อช่วยย่อยอาหาร
- โปรไบโอติกต้องสามารถทนต่อเกลือน้ำได้ดี  เนื่องจากบริเวณลำไส้เล็กตอนต้นจะมีเกลือน้ำดีหลั่งออกมาจากตับอ่อน  เพื่อเข้ามาช่วยย่อยไขมัน
- โปรไบโอติกต้องสามารถยึดเกาะผนังลำไส้ได้  ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้แบคทีเรียก่อโรคเข้ามาเกาะและต่อต้านการเคลื่อนที่ของลำไส้ที่มีการบีบตัวให้อาหารเครื่องที่แบบลูกคลื่น (pcristalsis)
- ส่งเสริมสุขภาพของเจ้าของบ้านได้ดีขึ้น  เช่น ช่วยย่อยน้ำตาลแลกโตสในนมป้องกันไม่ให้เกิดอาการท้องเสียเนื่องจากการรับประทานนม  ปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำใส้และป้องกันการเจริญของแบคทีเรียก่อโรคทางเดินอาหาร  ช่วยป้องกันการเกิดท้องเสีย  ท้องร่วง  แย่งหารแบคทีเรียก่อโรค  ทำให้ไม่มีอาหารเพียงพอต่อการเจริญของแบคที่เรียก่อโรค  สร้างสารต่างๆ  ขึ้นเพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื่อก่อโรคไม่ให้มีมากเกินไป  กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย  ลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่  และลดระดับคอเลสเตอรอล  เป็นต้น
ที่มา  เดลินิวส์

5 เทคนิคแก้เมารถแบบมือโปร

5 เทคนิคแก้เมารถแบบมือโปร



แผนการท่องเที่ยวที่แพลนไว้ดิบดีต้องหมันแน่ๆ  ถ้ามัวแต่เมารถ  แต่สำหรับนักเดินทางมือโปร  เรื่องนี้ไม่มีทางเกิด  เพราะเขามีวิธีที่ได้ผลที่สุดไว้ป้องกันตัว
มองไปข้างหน้า
                ข้อห้ามของการนั่งรถทางไกลคือต้องไม่ก้มหน้าอ่านหนังสือหรือเล่นเกมเพราะการก้มหน้าจะทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่สะดวก  ที่นี้อาการคลื่นใส้  อาเจียนมึงงก็จะตามมา
หยุดพักเมื่อมีโอกาส
                อย่างตุลุยนั่งรวดเดียวสิบชั่วโมงรวด  ถ้าเป้นไปได้คุณควรบอกให้คนขับจอดพักเป้นระยะๆ  อาจจะขอเข้าห้องน้ำหรือเดินยืดสายก้ยังดี  เพื่อเปลี่ยนอิริยาบถให้เลือดลมไหลเวียนได้สะดวกขึ้น
เบาะนี้ของจอง
                ท้ายรถจะเป้นส่วนที่ได้รับแรงเหวี่ยงแรงกระทบของรถมากกว่าส่วนหน้าคนที่นั่งตรงนี้จึงเสี่ยงกับการเมามากกว่า  เพราะฉะนั้นคนฉลาดอย่างเราจึงต้องใช้วิชาพลิ้วไปนั่งข้างหน้าก่อนที่คนอื่นจะมาแย่งไป
อย่ากินเต็มที่
                การมีอาหารเต็มท้องจะทำให้คุณยิ่งรู้สึกคลื่นใส้มากขึ้น  ถ้ารู้ว่าจะต้องเดินทาง  ผู้หญิงขี้เมาทั้งหลายจึงไม่ควรทางอาหารเต็มที  อย่างมากก็รองท้องมานิดๆ หน่อย  ก็พอ
เปิดกระจกให้อากาศถ่ายเท
                ออซิเจนจะช่วยให้สมองแจ่มใส  ลดอาอารเมาลงไปได้  ถึงจะนั่งที่ปิดหน้าต่างมิดชิด  แต่ก็ควรที่จะเปิดเป้นครั้งคราว  ให้ลมข้างนอกพอออกซิเจนเข้ามาในตัวรถ  ยิ่งถ้านั่งที่แออัด  ผุ้โดยสารเพียบ  ยิ่งควรเปิดหน้าต่างบ่อยๆ  ให้อากาสถ่ายเทได้สะดวก
                ที่มา : นิตยสาร SPICY

รัก 7 แบบที่ไม่ควรคาดหวัง

รัก 7 แบบที่ไม่ควรคาดหวัง



หนุ่มสาวสมัยนี้เจอกันปีปเดียวไฟฟ้าที่ลัดวงจรซะแล้ว  แต่ทุกครั้งที่สปาร์คกัน  ทุกคนก็คงหวังว่ารักนั้นจะอยู่ยั้งยืนยงอมตะนิรันดร์กาล  แต่สำหรับความรัก 7 แบบนี้ขอเตือนว่าอย่าหวังมากจะดีกว่า
รักเพราะเหงา
                ความรักแบบนี้จะเกิดกับคนที่ประกาศหาแฟนมาชาติกว่าแล้วก้ยังไม่มีใครยอมเสี่ยงตามมาเป้นหวานใจเสียที  เลยออกแนวเศร้า  เหงา  เว็งทีนี้ล่ะพอมีใครผ่านมาก้คว้าเรียบ  ขอให้เป็นเพสตรงข้ามเป็นพอ  แต่พอคบกันไปสักพัก  ความเหงาหายไปหุตาพลอยสว่าง  ถึงได้เห็นว่าอีตาอ้วนดำคนนี้ยังห่างไกลสเป็คเราหลายขุมนัก  แล้วมันเรื่องอะไรคนสวยเลือกได้ (แต่ไม่มีคนมาให้เลือก)  อย่างชั้นจะมาคบนายให้เสียเวลายะ  ว่าแล้วก้บอกเลิกวะเลย  จบข่าว!
รักทางเน็ต
                ก็ในเน็ตมีใครเค้าบอกความจริงกันบ้างล่ะ  ว่าชีวิตชั้นผ่านผุ้ชายมา 17 คนแล้ว  เป็นเกย์ไปซะ 7 ติดเอส์ไปวะ 3 แวทเข้าไปเถอะ  รับรองคุณจะได้เจอแต่พวกรูปหล่อพ่อรวย  สวยเหมือนนางงามจักวาลทั้งนั้น  ขนาดภาพยังเอารูปเพื่อนมาลง  ไม่ก้เป็นภาพพรีทัชบลสิวลบปานดำ  เติมปากให้อิ่มทำตาให้โต  เปลี่ยนทรงผมให้เก๋  เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา  เอ๊ะ! นี่มันเปลี่ยนทั้งหัวเลยนี่หว่า  แซทกันอยู่สามเดือน  พอถึงเวลานัดมาเจอตัวจริงแทบวิ่งหนีป่าราบ  แล้วจะไม่ให้เลิกได้ไงล่ะ
รักผัวเขา
                ตอนเจอกันใหม่ๆ  ในร้อยคนต้องมีซะ 80 ที่ไม่รู้ว่าหนุ่มหล่อคนนี้มีเจ้าของอยู่แล้ว(แต่ก้มีเหมือนกันที่รู้ทั้งรู้แต่ตูก็จเอา)  พอรู้ความจริง  แรกๆ  เราอาจจะยอมทนเป็นกีกได้เพราะคิดว่าเขาเลิอกกันเมื่อไหร่  ตำแหน่งตัวจริงคงไม่ไปไหนเสีย  แต่รอเท่าไหร่เบอร์หนึ่งก้แก่ง่ายตายช้าไม่เลิกรากับหวานในเสียที  แล้วมันเรื่องอะไรกิ๊กอย่างเราจะยอมทน  เพราะวัยสาวมันมีเวลาจำกัดขืนรอนานๆ  เดี๋ยวก้ได้ขึ้นคานกันพอดีสิ
รักโปรโมท
                ข้อนี้แต่ก่อนจำกัดอยู่ในวงการบันเทิง  ช่วงไหนหนังจะเข้าละครจะฉายก็เอาแล้ว  ต้องมีใครขึ้นมาทันที  พอละครจบรักก้จบตาม  แต่เดี๋ยวนี้รักโปรโมทกระจายไปทุกหย่อมหญ้า  โดยมากมักจะเป็นในหฒุ่คนกินแห้ว  แอบรักเขาเขาไม่สน  เลยต้องจัดฉาดเรียกเรทติ้งด้วยการเอาเพื่อนมาเล่นละครเป็นเพื่อนมาเล่นละครเป็นแฟน  พอเป้าหมายตกหลุมพรางหลวมตัวมาจีบแล้ว  ถึงเวลาไสหัวเพื่อนกลับไปเดินสะดิ้งดุ้งดิ้งคนเดียวเหมือนเดิม
รักที่เงิน
                คติประจำใจของชมรมกระสือมีอยู่ว่า  หนังหน้าแย่ไม่เป็นไร  ขอให้กระเป๋าตุงไว้ก่อน  เป็นที่มาของคู่กิ่งทองใบตำแยทั้งหลายที่เราเห็นกันส่วนใหญ่ฝ่ายที่เงินมักจะหน้าตาพอดูได้ (ถ้าปิดไฟ)  ส่วนกระสือนักสูบสวยล้ำหล่อเลิศแต่จนสต่างค์  ความรักแบบนี้จะหมดอายุได้ในสองกรณีหนึ่งคือฝ่ายมีตังค์เกิดไม่สบาย  เป้นโรคขี้เบื่อ  ทนเห็นอะไรซ้ำวากไม่ได้ต้องเปลี่ยนแฟนบ่อยๆ  ไม่ก็ในกรณีที่สองคือผ่ายมีเงินจับได้ว่าสาวสวยสูงเนไปเลี้ยงแฟนตัวจริง  ถ้าไม่เจอสองข้อนี้นิยามความรักฉบับสตอเบอแหลก็จะดำเนินต่อไปตราบนานเท่านาน
รักแบบกิ๊กๆ
                กฎข้อบังคมของกีกก็มีอยู่แล้วว่าห้ามผุกพัน  ห้ามดื๊อ  ห้ามยื้อ  ห้ามทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ  และกีกไม่ไช่ชู้  เมื่อไหร่แฟนรู้ต้องเลิก  นั้นรักแบบกีกๆ  จึงเป้นรักที่มาเร็วไปเร็วที่สุด  แฟนตัวจริงเดินเฉียดมาในระยะ 100 เมตร  กิ๊กก้เสียชีวิตไปวะแล้วเหลือแต่คนแปลกหน้า 2 คนเท่านั้นเอง
รักเพราะสปอตไลท์
                รักแบบนี้มักเกิดในแหล่งท่องเที่ยวยามราตรี  พอโดนสปอตไลท์ส่องมาราศีก้จับให้ทุกคนกลายเป็นดัชช่บอยแอนด์เกิร์ลกันไปหมด  ไปฟ้าเลยลัดลงจรง่ายยักย้ายส่ายสะดพกไม่กี่เพลง  น้องก็โอเครับรักี่แล้ว  แต่พอรุ่งขึ้นเจอกันในแสงธรรมชาติ  หน้าที่เคยสวยใสทำไมมันดันมีแต่รอบสิวฝ้ากระครบเซ้ตหว่า  เมื่อความจริงเปิดเผยออกมา  ความหวังก็เลยสลายไปในบัดดล
                ที่มา : นิตยสาร SPICY

เตรียมเสบียงให้พร้อมก่อนลดน้ำหนัก

เตรียมเสบียงให้พร้อมก่อนลดน้ำหนัก




สมัยนี้ทางออกของการสลายไขมันสำหรับสาวเจ้าเนื้อมีหลายวิธีไหนให้เหมาะกับตัวเองนั้นต้องดูองค์ประกอบความเป็นไปได้หลายอย่าง  อย่าเพิ่มหลงเชื่อคำโฆษณาจนเกินไป  อย่างไรก็ตาม  ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนการควบคุมอาหารนับเป็นส่วนเสริมที่ช่วยให้คุณพิชิตน้ำหนักที่คุณตั้งเป้าไว้ได้ดีที่สุด
                ดังนั้นเรามารู้จักการเลือกเสบียงเตรียมไว้เป้นกองหนุน ก่อนควบคุมอาหารเพื่อให้คุณพิชิตไขมันได้สำเร็จกันก่อนดีกว่า
ลักษณะของอาหารที่ควรตุนไว้ในช่วงลดน้ำหนัก
1. อาหารที่มีเส้นใยอาหารสูง
                คุณควรรับประทานอาหารที่มีเส้นใยอาหารอย่างน้อย 5 กรัมต่อมื้อเพราะนอกจากจะทำให้กระเพราะเหลือพื้นที่บรรจุอาหารลดลงแล้ว  ยังเป็นเหมือนเกราะป้องกันขัดขาวงการดูดซึมไขมันได้เป็นอย่างดี  ซึ่งเส้นใยอาหารมีมากในผักและผลไม้  มาดูกันว่าเราควรเตรียมผักหรือผลไม้ชนิดไหนบ้าง  นอกเหมือจากตารางแล้วควรเลือกพริกขี้หนู  มะนาว  ข่า  ตะไคร้  และใบมะกรูด  ติดไว้สำหรับปรุงเมนุได้หลายหลายขึ้น
ตารางเปรียบเทียบปริมาณอาหารและเส้นใยอาหาร
ผักและผลไม้เส้นใยอาหาร(กรัม)
บรอกโคลี 1 หัว (250 กรัม)32.0
ฝรั่งผลกลาง 1 ผล5.8
ผักขม 100 กรัม5.7
มะเขือเทศ 6 ลูก4.0
แอ๊ปเปิ้ล 1 ผล3.2
แครอท 1 หัวเล้ก2.3
กล้วยน้ำว้า 1 ผล2.3
ถั่วฝักยาว 100 กรัม1.9
สับประรด ¼ ผล1.8
สตรอว์เบอร์รี่ 6 ผล1.7
กวางตุ้ง 100 กรัม1.6
ส้ม 1 ผล1.3
ใบกระเพราะ 100 กรัม1.3
ผักสลัด (“ฮโครโปนิก)100 กรัม0.6
  

2. อาหารไขมันต่ำ
                ร่างกายต้องการไขมันเพียงร้อยละ 30 ของพลังงานทั้งหมดในแต่ละวัน  เมื่อเทียบสัดส่วนก็ประมาณ 2 – 3  ส่วน  หรือเทียบเท่ากับน้ำมันพืช 2 – 3 ช้อนช้าเท่านั้น
                ดังนั้นช้างควบคุมน้ำหนักควรเน้นเลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ  เนื้อสัตว์ไขมันต่ำ  และของว่างอื่นๆ  เช่น  นมถั่วเหลือง  ยาคูลท์  ไอศกรีมเวอร์เบต  เยลลี่ผสมบุก เป็นต้น
ตารางเปรียบเทียบปริมาณอาหารและไขมัน
ประเภทอาหารไขมัน (กรัม)
แครกเกอร์โฮลวีต 50 กรัม6.0
ดาร์กซ้อกโกแลต 20 กรัม6.0
ไข่ไก่ 1 ฟอง5.0
เนยถั่ว 1 ช้อนชา3.0
มาร์การีนไขมันต่ำ 1 ช้อนชา2.5
อกไก่ 1 ขีด2.4
น้ำสลัดโชยุ 1 ช้อนโต๊ะ2.4
ขนมปังโฮวีต 1 แผ่น2.0
น้ำสลัดอิตาเลียน 1 ช้อนโต๊ะ2.0
เต้าหู้ 1 แผ่น1.6
ปูอัด 1 ขีด1.0
เนื้อปลา 1 ขีด0.4
กุ้ง 1 ขีด0.1
  

3. อาหารพลังงานต่ำ
                ปกติเราควรรับประทานอาหารที่ให้พลังงานโดยเฉลี่ยวันละประมาณ 1,800 – 2,000 กิโลแคลอรี  โดยแบ่งวสัดส่วนเป็นคาร์โบไฮเดรต  โปรตีน  ไขมัน  ซึ่งเราสามารถเลือกซื้ออาหารเตรียมไว้ทั้งของแห้ง  เครื่องปรุง  และขนมได้ดังนี้
ตารางเปรียบเทียบปริมาณอาหารและพลังงาน
ประเภทอาหารกิโลแคลอรี่ (Kcal)
ถั่วลิสงอบแห้ง 30 กรัม180
พิสตาชิโอ 30 กรัม170
อัลมอนด์ 30 กรัม170
วุ้นเส้น 30 กรัม110
ปลาทูน่าในน้ำเกลือ 100 กรัม105
ซีเรียลไฮไฟเบอร์ 1 ถ้วย100
ข้าวซ้อมมือ ½ ถ้วย90
พาวเวอร์บาร์ 1 ชิ้น90
ลูกเกด 2 ช้อนโต๊ะ85
ลูกพรุนแห้ง 2 – 3 เม็ด50
น้ำมันมะกอก 1 ช้อนชา45
น้ำพริกปลาย่าง 1 ช้อนโต๊ะ30 – 40
น้ำพริกกุ้งเสียบ 1 ช้อนโต๊ะ30 – 40
น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนชา20
มายองเนสชนิดไม่มีเคสเตอรอลหรือไขมัน 0 %  1ช้อนชา20
ซอสมะเขือเทศ 1 ช้อนโต๊ะ8.5
สาหร่ายอบแห้ง 5 แผ่นเล็ก5
เม็ดแมงลัก 1 ช้อนชา0.5
  

                หลังจากเตรียมเสบียงแล้ว  มาดูตัวอย่างรายการอาหารที่คุณสามารถเลือกปรุงและรับประทานในช่วงควบคุมน้ำหนักได้ดังนี้
อาหารเช้า  มีให้เลือกดังนี้
- ขนมปังโฮวีต 2 แผ่น  ทาแยมหรือมาร์การีนไขมัน 1 ช้อนชา / แผ่น
- ซีเรียลไฮไฟเบอร์ 1 ถ้วยกับนมสดไขมัน 0 เปอร์เซ็นต์ และกล้วยน้ำว้า 1 ผล
- แซนดืวิชทูน่า 1 คู่กับนมถั่วเหลือง
- ข้าวช้อมมือ 2 ทัพพี  ผัดบรอกโคลีกุ้งสด
อาหารกลางวัน  มีให้เลือกดังนี้
- ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี  ผัดกระเพราไก่ใส่ถั่วฝักยาวและไข่ต้ม
- ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี  ต้มยำใสใส่ปลาและเห็ด
- สปาเกตตีซอสไก่ใส่ผักขม
- ข้าวคลุกน้ำพริกกุ้งเสียบ  ไขต้ม  และผัดผักกวางตุ้ง
อาหารเย็น  มีให้เลือกดังนี้
- ยำวุ้นเส้นกุ้งสด
- ต้มจับฉ่ายใส่เต้าหู้
- น้ำพริกปลาย่าง  ผักต้ม  และไข่ต้ม
- สลัดปูอัด  น้ำสลัดโชยุ
- สลัดผลไม้ใส่โยเกิร์ตโรยเม็ดแมงลัก
                หากรู้สึกอยากขนมหรือของหวานๆ  ก็ให้เลือกรับประทานจากเสบียงที่ตุนไว้ก้พอจะลดความอยากได้บ้าง  ใครเตรียมเสบียงพร้อมแล้วก็เริ่มไดเอตได้เลย
                ที่มา : นิตยสาร HALTH & CUISINE

“กล้ามเนื้ออ่อนแรง” ลางร้ายของระบบประสาท

“กล้ามเนื้ออ่อนแรง” ลางร้ายของระบบประสาท



คนใช้รายหนึ่งมาพบหมอเพราะมือไม่มีแรง  จับปากกาไม่ติดจนเซ็นชื่อไม่ผ่าน  ส่วนอีกรายมีอาการเดินกะเพลกเหมือนคนเท้าแพลงแต่กลับไม่รู้สึกเจ็บ เชื่อหรือไม่ว่า  คนไข้ทั้งสองรายนี้ป่วยด้วยโรคเดียวกัน
                คนไข้รายแรกเป็นนักธุรกิจ  ต้องทำงานใกล้ชิดกับเอกสารและการเงิน  วันหนึ่งมาพบหมอเพราะมีปัญหาเซ็นเช็คไม่ผ่าน  หมอให้คนใข้ลองเขียนตัวหนังสือให้ดู  จึงสังเกตเห้นมือของคนไข้จับปากกาได้ไม่แน่นทั้งที่เป็นมือข้างที่ถนัด  สันนิฐานเบื้องต้นว่า  คนไข้เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงบริเวณมือ  แต่เนื่องจากอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงเป็นอาการบ่งชี้ของโรคได้อย่าง  จึงขออธิบายให้เข้าใจสาเหตุของอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงกันก่อนนะครับ
                อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงมีสาเหตุมาจากโรค 2 กลุ่มหลักดังนี้  กลุ่มแรกเป็นโรคทางอายุรกรรม  ได้แก่ โรค Amyotrophic Laterral Sclerosis (ALS) เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบประสาทไม่สามารถสั่งงานให้กล้ามเนื้อทำงานได้ตามปกติ  ทั้งๆ  ที่ยังแข็งแรงอยู่โรคนี้พบมากในผู้หญิงไม่จำกัดอายุ  อีกโรคคือ  โรค Myasthenais Gravis (MG) เป็นโรคที่ระบบประสาทปกติ  แต่กล้ามเนื้อกลับไม่สามารถสามารถทำงานได้  ทำให้มีอาการหนังตาตก  ห้อย  จากสถิติพบมากในผู้หญิงอายุ 25 – 35 ปี  ทั้งสองโรคนี้  วงการแพทย์ยังไม่สรุปสาเหตุการเกิดโรคไดอย่างชัดเจนและยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ทำได้เพียงกินยาเพื่อไม่ให้อาการทรุดหนักกว่าเดิมเท่านั้น  และยังพบว่า  หากในครอบครัวมีประวัติการป่วยโรคดังกล่าว  ผู้มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงก้มีโอกาศป่วยเป็นโรคนี้ได้เช่นกัน
                กลุ่มที่สองเกิดจากโรคทางศัลยกรรม  เป็นความผิดปกติของระบบประสาทที่มีสาเหตุจากหลายปัจจัย  เช่น  อุบัติเหตุ  อายุ  หรือ  น้ำหนักตัวที่มากขึ้น  การนั่งเป็นเวลานานๆ  ความเครียด  และการไม่ออกำลังกาย  ล้วนเป็นสาเหตุทำให้หมอนรองกระดูกเสื่อมทับเส้นประสาทหรือแตก  จึงเกิดภาวะผิดปกติของระบบประสาทส่งผลให้การสั่งการไปยังกล้ามเนื้อขัดข้อง  ซึ่งวินิแยได้ด้วยการเอกซเรย์กระดูกสันหลังหรือต้นคอตามดุลยพินิจของหมอ  ทั้งนี้อาจกล่าวได้ว่าการรู้สาเหตุของอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงเบื้องต้นจะนำไปสู่การรักษาได้อย่งตรงจุด
                ดังที่กล่าวมาว่า  อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงเป็นอาการที่บ่งโรคได้มากมาย  ดังนั้นการถามประวัติคนไข้จึงมีความสำคัญในการวินิจัยเบื้องต้น  กลังจากซักประวัติการป่วยเป็นโรค ALS  หรือ MG หมอจึงให้คนไข้เอกซเรย์บริเวณต้นคอ
                ผลสรุปว่า  คนใข้มีอาการหมอนรองกระดูกคอแตกทับเส้นประสาทจากอุบัติเหตุ  จึงแนะนำให้คนใข้ผ่าตัดผ่านกล้อง  Microscope เพราะแผลเล้กและใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน  หลังจากคนใข้ได้รับการตรวจเพื่อเตรียมพร้อมก่อนผ่าตัดแล้ว  วันรุ่งขึ้นจึงเข้ารับการผ่าตัดและกลับบ้านได้ในสองวันถัดมา  เมื่อคนไข้ผ่าตัดและพักพื้นจนหายดี  มือก็กลับมามีแรง  สามารถหยิบจับของได้ตามปกติ
                ส่วนคนไข้รายที่สองเป็นนักประมูลงานรับเหมาก่อสร้าง  มีอาการเดินกะเผลก  แขนขาอ่อนรงและเกร็งมานานกว่าสามปี  เดิมทีคนไข้รักษาด้วยการกินยาและนวดจับเส้น  แต่ก็ช่วยให้อาการดีขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น  ครั้งนี้คนไข้จึงเลือกมาพบหมอ  แม้อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงของคนไข้รายนี้จะเกิดกับอวัยวะที่ต่างจากคนไข้รายแรก  แต่หลังจากซักประวัติแล้วกลับพบว่าคนในครอบครัวไม่เคยป่วยเป็นด้วยโรค ALS หรือ MG เช่นกัน
                หมอจึงให้คนไข้เอกซเรย์  ก็พบว่ากระดูกคอของคนไข้กดทับไข่สันหลังอย่างมาก  ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเสื่อมของกระดูก  ส่งผลให้กล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรง  หมอได้แนะนำให้คนไข้ผ่าตัดผ่านกล้องเช่นเดียวกับคนไข้รายแรก  แต่เนื่องจากอาการที่เป็นมานานกว่าคนไข้จึงต้องเข้ารับการกายภาพบำบัดหลังผ่าตัดและจำเป็นต้องมาพบหมออย่างต่อเนื่อง  แม้จะกลับไปทำงานได้ตามปกติแล้วก็ตาม
                อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงเล็กน้อยๆ  อาจเป็นสาเหตุลางบอกโรคร้ายที่คุณคาดไม่ถึง  จึงไม่ควรละเลย  เมื่อมีอาการผิดปกติควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุของโรคตั้งแต่เนิ่นๆ  นะครับ
                เรื่อง : นายแพทย์เมธี  วงศ์ศิริสุวรรณ
                ที่มา : นิตยสาร HALTH & CUISINE

เลือกอาหาร…เลี่ยงสารพิษอย่างไรดี ?

เลือกอาหาร…เลี่ยงสารพิษอย่างไรดี ?



 ต้องยอมรับว่าดารกินอยู่เดี๋ยวนี้แสนลำบาก  จะกินไอศกรีมสักแท่งก็ต้องพะวงว่าจะมีแบททีเรียจากอุจจาระปนอยู่ไหม  หรือจะกินมันฝรั่งทอดสักชิ้นก็ต้องดูว่ามีปริมาณสารก่อมะเร็งอะคริลาไมค์มากน้อยเพียงใดพอที่จะก่อให้เกิดก้อนเนื้อที่ไม่ได้เชื้อเชิญมาหรือเปล่า  เฮ้อ  เกิดเป็นมนุษย์นี้น่าเหนื่อยจริงนะครับ  แถมพอจะตายก็ไม่ได้ “จากไปดีมีสุข”  ชักระตุกที่เดียวตาย  แต่ต้องมาตายอย่างเป็นทุกขเวทนาน่าสงสารเป็นยิ่งนักแต่อย่างไรก้ดี  ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ก้ต้องสู้กับอนุมูลอิสระเหล่านี้ต่อไป  เพียงแต่เรารู้จักเลือกสักหน่อยจะได้ไม่เป็นการทำลายสุขภาพตัวเองโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ครับ  จะขอให้หลักในการ “กินเพื่อสุขภาพ”  เอาไว้ดังนี้
  1. เลือกผักผลไม้ตามฤดุกาล  เพราะนอกจากจะไม่มีการเก็บไว้นานมากแล้ว  โอกาศที่จะต้องใช้ยาฆ่าแมลงก้ยังน้อยไม่เหมือนกับของนอกฤดู  และยังเป็นการสนับสนุนพี่น้องเกษตรไทยให้ขายผลผลิตด้วย
  2. อย่าซื้ออาหารหรือผักผลไม้ที่ลดราคาหลังห้างปิด  เพราะอาหารเหล่านี้ได้ผ่านการปรุงหรือล้างมาตั้งแต่เช้า  โดยกว่าจะถึงมือคุณก็ผ่านมือและตากแดดตากลมมาจนโชกโซน ถ้ารับประทานดูจะรู้ได้ทันทีว่าไม่สดแต่ราคาที่ลดยั่วใจทำให้บางท่านลงซื้อไปแต่ผลลัพธ์ที่ตามอาจได้ไม่คุ้มเสียนัก
  3. ล้างผักผลไม้ทุกครั้งแม้จุถูกบรรจุมาในถุงที่บอกว่าได้ล้างมาเรียบร้อยแล้ว  เช่นสลัดผักใส่ถุงซิปล็อคตามห้าง  เพราะอย่าลืมว่ากว่าจะถึงมือเราบางทีก็เย็นย่ำ  ผักที่ล้างแล้วก็อาจมีปคทีเรียเจริญงอกขึ้นมาได้อีก
  4. เลือกผักผลไม้ที่เป็นผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์หรือแน่ใจว่าสดสะอาด  โดยเทคนิคของผมก็คือซื้อจากแม่ค้าเจ้าประจำเพราะถ้าเป็นลูกค้าเก่าเขาจะบอกตรงๆ  ว่าอันไหนสด  อันไหนค้าง  หรืออีกทีหนึ่งผมก็ไปซื้อที่ร้านดอยคำตรงตลาด  อตก.  ผักผลไม้จากโครงการหลวงนี้สด  กรอบน่ารับประทานมากครับ
  5. ฝึกดูฉลากข้างผลิตภัณฑ์ให้เป็นนิสัย  ถ้าเป็นฝรั่งนี่เขาจะให้ความสำคัญกับส่วนประกอบของอาหารมาก  อย่างคุกกี้ดำยี่ห้อหนึ่งเคยหมกเม็ดไม่ใส่คำเตือนว่ามีไขมันทรานส์แฟ้ทซึ่งทำให้เกิดโรคหัวใจอยู่ยังโดนฟ้องจนเสีนศูนย์ไปเลย  แต่ของเรานั้นบางทีก็เอาสะดวกเข้าว่า  มองๆ ดูแล้วยังไม่หนดอายุก้ใช้ได้  ซึ่งบางทีของสิ่งเดียวกันแต่ถ้าเขาใส่การกันบูดเข้าไปกว่าจะหมดอายุมันก้นานโขอยู่นะครับ
  6. ถ้าเป็นของสดขอให้เลือกซื้อในช่วงเวลาเช้า  ถ้าแม้ปัจจุบันการขนส่งจะทันสมัยส่งของได้ทันใจทางเครื่องบินก็ตาม  แต่การที่ของสดอยู่ในอากาศที่ร้อนช่วงบ่ายมักจะเป็นเคหะสถาณที่ดีสำหรับแบครีเรีย  ขนาดว่าการผ่าตัดผุ้ป่วยนั้นยังไม่นิยมทำกันในเวลาบ่ายเลยครับก็ด้วยเหตุพลเดียวกันนี้เอง
  7. ไม่ควรซื้อในวันปลายสัปดาห์  เช่นวันศุกร์หรือเสาร์ด้วยว่าจะเป็นวันที่อาหาร (ที่เคย)  สดจะถูกนำมาโละขายให้หมดเพื่อที่จะได้นำของใหม่มาขายต่อไป  ในต่างประเทศก็เช่นกัน เชฟที่มีประสบการณ์ได้เคยออกโรงเตอนไว้เลยว่า  อย่ากินอาหารทะเลในวันดังที่กล่าวไปเพราะจะได้อาหารที่ไม่สดแต่ถูกปรุงแต่งให้น่าดูน่ารักประทานโดยซอสที่โปะหน้า
  8. เลือกรับประทานอาหารหรือซื้ออาหารในร้านที่มีผู้ซื้อเยอะ  ด้วยว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงสินค้าเร็ว  โอกาสที่ผู้ซื้อจะได้ของค้างก้น้อยลง
  9. ชิมอาหารก่อนปรับปรุงให้เป็นนิสัย  กรมอนามัยได้เคยออกประกาศเตือนว่าคนไทยเรานั้นเป็นนักบริโภคนิยมในเรื่องของ  น้ำตาลและเกลือมากเกินพิกัดที่กำหนด  โดยเหตุส่วนส่วนหนึ่งมากจากการ “ปรุงก่อนซิม”  จนเป็นนิสัย  ทำให้เป็นโรคไต  โรคความดันโลหิตสูงกันมากตั้งแต่ยังอายุน้อย
  10. อย่ากังวลกับสิ่งที่ผ่านไปหรือกับสิ่งที่ยังไม่เกิดมากเกินไป  บางท่านห่วงสุขภาพมากจนไม่เป็นอันกินอันทำอะไรเลย  อย่างนี้ก็เรียกว่าสุดโต่งเกินไปไม่เหมาะสม  ทำให้ชีวิตมีความเครียดแฟงอยู่ลึกๆ  ขอให้คิดว่าถ้าเลือกดีแล้ว  ทำดีที่สุดในการป้องกันสุขภาพของเราแล้ว  ก็ให้ภูมิใจว่ายังดีกว่าคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลยอีกหลายพันหลายหมื่อนครับ
ท้ายนี้ก็ขอให้อย่าเพิ่ฝทอดอาลัยกับชีวิตเลยครับ  ยังมีสิ่งที่สวยสดงดงามและอาหารสุขภาพดีๆ  ให้ชื่นชมอีกเยอะ  อาหารไทยส่วนใหญ่นั้นเป็นอาหารที่ทำจากผักพื้นบ้าน  ถ้าเป็นไปได้อยากให้ลองใช้ผักที่ปลูกเองหรือผักที่ขึ้นตามธรรมชาติมาปรุงอาหารดูชึ้งนอกจากจะปลอดภัยรับประทานสะดวกใจแล้วยังได้วิตามินไม้แพ้ผักของฝรั่งด้วยครับ  ไม่ว่าจะเป็นตำลึงข้าวรั่ว  หรือผักโขมกินยอดก็ได้  ถ้าอยากรับประทานผักให้ได้หลากหลายมากกว่านี้ก็อาจซื้อได้จากที่โครงการหลวง  โดยเฉพาะผักคะน้าที่สดกรอบ  ราคาไม่แพง  เหมาะที่จะนำมารับประทานวันละ 5 กำมือตามโปรแกรมต้านความชนา  และยังมีสารต้านมะเร็งที่เรียกว่าอินโดลทรีคาร์บินอล (I-3-C)  ที่ช่วยยังยั้งการแบ่งตัวของเซลล์เนื้อร้ายด้วย  เห็นไหมครับประเทศไทยเรายังเป็นแหล่งอาหารที่ดีอยู่มาก  อย่าเพิ่มถอดใจด้วยเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้เสียก่อนเลยครับ  บ้านเรายังมีสิ่งที่น่ากลัวกว่าพิษภัยจากอาหารเยอะ 
ที่มา : นิตยสาร ใกล้หมอ

11 อ. เพื่ออายุยืนยาว

11 อ. เพื่ออายุยืนยาว



ประเทศไทยคาดว่าจะมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น 6.3 ล้านคนในอีก 6 ปีข้างหน้า  และปัจจุบันคนไทยมีอายุเฉลี่ยยืนยาวขึ้น  คือ ผู้หญิง 70 ปี  และผู้ชาย 68 ปี
                แต่พออายุถึงวัย 50 บางคนก็ดูทำอะไรช้าลง  ระวังตัวมากขึ้น  ไม่ค่อยมีความสดชื่น  ความเป็นหนุ่มเป็นสาวอยู่ในตัว  ในขณะที่อีกหลายๆ  คน  ทั้งที่อายุเลย 60 มาแล้ว  แต่ก็ยังสดชื่นอยู่  ดูเป็นหนุ่มใหญ่  สาวใหญ่มาดดี  มีเสน่ห์  และยังดูสนุกสนานกับสิ่งข้างๆ  รอบตัว  ดูมีคุณภาพชีวิตที่ดี
                คุณภาพชีวิตที่ดี  มีหัวใจสำคัญ 4 อย่าง

  1. ร่างกายที่แข็งแรง (Biological)
  2. จิตใจที่มีความสุข (Phychological)
  3. วิญญาณ  หรือความภาคภูมิใจในตัวเอง
  4. สังคมดีๆ  ที่อยู่รอบตัว (Social) เช่น  ลูก  หลาน  ญาติพี่น้อง  และเพื่อนๆ  รอบตัว
การปฏิบัติตน  อย่างง่ายๆ  ตามหลัก 11 อ.
1. อาหาร
                  ระยะอายุ 50 ปีเป็นวัยที่ควรจะช่วยประคับประคองการทำงานของเซลล์นับล้านๆ  เซลล์ที่อยู่ในร่างกายให้ทำงานได้อย่างปกติ  เพราะวัยนี้มีการเสื่อมถอยของระบบการทำงานในอวัยวะทุกระบบ  และระบบการเผาพลาญอาหาร (metabolism)  ดังนั้นควรลดปริมาณอาหารลง  ให้สัมพันธ์กับการใช้พลังงานจริงคือประมาณ 1,500 กิโลแคลลอรี่ต่อวัน  และรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่  รับประทานผัก  และผลไม้วันละ 5 จานเล็ก
2.อากาศ
                 ถ้าได้ออกซิเจนที่ดีจากพื้นที่ดปร่งอย่างเช่น  ในสวนสาธารณะตอนเช้าๆ  จะทำให้เลือดที่สูบฉีดไปเลี้ยงร่างกายมีปริมาณออกซิเจนที่เพียงพอทำให้เซลล์มีคุรภาพส่งผลให้อวัยวะทุกส่วนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ควรอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี  ไอเสียจากรถยนต์หรือโรงงาน  ตลอดจนสียงดังจากเครื่องยนต์ต่างๆ  โดยอาจจะมีการปลูกต้นไม้รอบๆ  บ้านและสร้างรั้วที่มิดชิด
3. ออกกำลังกาย
                 ช่วยทำให้คงสภาพการทำงานของกล้ามเนื้อ  ข้อต่อต่างๆ  และทำให้การสูบฉีดเลือดไหลเวียน  (Blood Circulation) ไปเลี้ยงร่างกาย  และเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจได้อย่างดี  ทำไห้ร่างกาย  และหัวใจทำงานได้อย่างราบรื่น
ผู้สูงอายุควรออกกำลังการอย่างสม่ำเสมอทุกวัน  หรืออย่างน้อยสัปดาห์ 3 ครั้ง  ครั้งละประมาณ 30 นาที
4. อนามัย
- ไม่สูบบุรี่  เนื่องจากวัยเสื่อมถอย  การสูบบุรี่จะทำให้ถุงลมปอดทำงานได้ไม่เต็มที่เนื่องจากมีคราบนิโคติน  และสารพิษอื่นๆ  ที่ปนเปื้อนอยู่ในบุหรี่ไปเกาะติดในหลอดลม  และถุงลมปอด
- ไม่ดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกฮอล์  ตลอดจนยาเสพติดประเภทต่างๆ
- สังเกตอาการผิดปกติของร่างกายและจิตใจวัยนี้มีการเปลี่ยนแปลง  ถ้าสังเกตพบความผิดความปกติในระยะเริ่ใต้น  จะทำให้การรักษาได้ผลดี
-  ตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ
5. (แสง)อาทิตย์
                     การรับแสงแดดอ่อน  ในตอนเช้า  เพื่อให้ได้รับวิตามินดีอย่างเพียงพิ  จะช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสของร่างกาย  สามารถป้องกันและซะลอการเกิดโรคกระดูกพรุนได้
6. อารมร์
                     ผู้สูงอายุจะมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย  เช่น  หงุดหงิด  โมโหโกรธง่าย  ทำให้ขาดสติในการพิจารณาไตร่ตรองเหตุผล  ต่อให้เกิดความขัดแข้งกับบุคคลอื่นได้ง่าย  ต้องหาวิธีในการควบคุมอารมณ์ซึ่งมีหลายวิธี  เช่น  การทำสมธิ  การศึกษาธรรมะ  จะช่วยให้เกิดอาการผ่อนคลาย  มีสติมากขึ้น
7. อดิเรก
                  ผู้สูงอายุควรหางานอดิเรกทำ  เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจหรือลดการหมกหมุ่นในสิ่งที่ทำให้ไม่สบายใจ  เป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
8. อบอุ่น
                 การเป็นบุคคลที่มีบุคคลิกโอบอ้อม  เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้การช่วยเหลือสมาชิกในครอบครัวและบุคคลอื่น  เพื่อให้เกิดสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน
9. อุจจาระ / ปัสสาวะ
                   ถ้ามีปัญหาเรื่องท้องผูก  ส่งผลให้มีสารพิษตกค้างในร่างกาย  อาจทำให้เกิดโรคมะเร็งลำไส้ได้ถ้าเป็นบ่อยๆ  การป้องกันการเกิดท้องผูก  โดยการรับประทานอาหารผักผลไม้ดื่มากๆ  และออกกำลังกายอบ่างสม่ำเสมอ  ป้องกันการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่  โดยการบริการกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราย เช่น  การขมิบก้น  และช่องคลอด
10. อุบัติเหตุ
                  ระมัดระวังไม่ให้เกิดอุบัติเหตุโดยวิธีการต่างๆ  เช่น  สายตายาวต้องใส่แว่นสายตา  หูได้ยินไม่ชัดเจนต้องไปตรวจเพื่อแก้ไข  สิ่งแวดล้อมไม่เหมาะสมต้องไปปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม
11. อนาคต
                จะต้องมีการเตรียมเงินและที่อยู่อาศัย  เพื่อเป็นหลักประกัน  ในการดำเนินชีวิตเมื่อเข้าสู่วัยอายุ
                หลักการปฏิบัติตัวง่ายๆ  เพื่อความพร้อมในการก้าวเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ  เท่านี้ก็สามารถเป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้แล้ว
                ที่มา : นิตยสาร ใกล้หมอ

ว่าที่คุณแม่กับความเลี่ยง

ว่าที่คุณแม่กับความเลี่ยง



ผู้หญิงทุกคนเมื่อรู้ว่าตัวเองตั้งครรภื  แม้จะไม่ใช่ครรภ์แรกก็อดกังวลไม่ได้ว่า  การตั้งครรภ์ครั้งนี้จะมีความเสี่ยงไหม  เป็นคำถามที่เกิดขึ้นได้และคำตอบนั้นก็เป็นเพียงการคาดคะเน
                ตลอด 9 เดือนของการตั้งครรภ์  ว่าที่คุณแม่อาจต้องพบเจอกับเรื่องราวต่างๆ  มากมาย  ซึ่งหลายเหตุการณ์อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์  แต่บางครั้งความวิตกกับเรื่องที่ยังมาไม่ถึง  ไม่ใช้เรื่องที่ดีต่อสุขภาพของคุณแม่ในขณะนี้เพราะระหว่างตั้งครรภ์ความเครียดและสิ่งที่คุณแม่เป็น  จะเชื่อมต่อสายสัมพันธ์ไปยังลูกน้อย
                ดังนั้น  การพิจารณา “ความเสี่ยง” ด้วยสติ  เป็นคำตอบที่ดีกว่า  สำหรับคุณแม่ทุกคนเริ่มต้นที่มาพิจารณาดูว่า  ขณะนี้คุณมีความเสี่ยงเหล่านี้หรือไม่
  • ป่วยด้วยโรคเบาหวาน
  • ตรวจพบโรคผิวหนัง
  • มีความผิดปกติของเลือด
  • ป่วยด้วยโรคหัวใจ ตับ  ไต
  • เป็นการตั้งครรภ์ฝาแฝด  แฝดสาม  หรือมากกว่านั้น
  • ลูกคนก่อนมีความผิดปกติจากการคลอด
  • มีประวัติการแท้งลูก
  • มดลูกมีรูปร่างผิดปกติ
  • เป็นโรคลมชัก
  • มีการติดเชี้อบางอย่าง
  • มีการตกเลือด
             ถ้ามีปัจจัยต่างๆ  เหล่านี้  คุณมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง  และการตั้งครรภ์ครั้งนี้  ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างไกล้ชิด  คุณควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยงชาญเฉพาะด้าน
การเลือกแพทย์เพื่อฝากครรภ์ในกรณีนี้  อาจต้องพิจารณาด้วยคำถาม  หลักๆ  คือ
  • คุณรู้สึกสบายใจและมีความมั่นใจในตัวแพทย์  คุณต้องรู้สึกไว้วางใจและรู้สึกสบายในในตัวแพทย์ที่คุณเลือก  รวมถึงกลุ่มบุคคลที่ทำงานด้านนี้  คุณมีอิสระที่จะถามในสิ่งที่คุณกังวลหรือไม่อีกประเด็นหนึ่งที่ต้องจำไว้  คือ  บุคลิกภาพโดยทั่วไปของคุณเข้ากันได้ดีกับปรัชญาการทำงานของคุณหมอหรือไม่  เช่น  ผู้หญิงบางคนชอบแนวการคลอดแบบธรรมชาติ  ไม่ชอบเทคโนโลยีมากมายเพื่อการดูแลชาวงก่อนคลอด  ในชณะที่บางคนต้องการให้แพทย์ทำการตรวจวินิจทุกระยะทุกอย่างก้าสว  ประวิติการรักาและประวัติทางสูตินารีเวชของคุณมีอิทธิพลต่อแนวความคิดเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของคุณ
  • จำนวนแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการทำคลอด  คุณอาจตัดสินใจเลือกระหว่าแพทย์ที่ทำงานกันเป็นทีมหรือแพทย์ที่ปฎิบัติงานเพียงลำพัง
  • ถามแพทย์เกี่ยวกับนโยบายการทำงานกรณีที่เป็นเหตการณ์ฉุกเฉิน  รวมถึงถามคำถามที่คุณต้องการทราบทางโทรศัพท์ในชาวงเวลาเย็นหรือวันหยุด
  • ลักษณะของโรงพยาบาล  ถ้าครรภ์ของคุณไม่มีปัญหา  โรงพยาบาลหรือศูนย์ที่ทำคลอดดีๆ  สักหน่อยก็ถือว่าเหมาะสม  แต่ถ้าคุณมีปัญหาความเสี่ยง  คุณอาจต้องเลือกโรงพยาบาลที่ดีสักหน่อยซึ่งมีพยาบาลพร้อมที่จะรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น  เช่น  ทารกคลอดก่อนกำหนด  โดยพิจาณาว่า
- กรณีฉุกเฉิน  สามารถเรียกวิสัญญีแพทย์ได้ทันที  หรือตลอด 24 ชั่วโมงหรือไม่
-  โรงพยาบาลมีการควบคุมความเจ็บปวดระหว่างคลอดหรือไม่  ถ้าไม่มีการว่างยาสลบ  หรือคุณไม่สนมจยาสลบ  คุณน่าจะได้มองหาทางเลือดอื่นที่ลดความความเจ็บปวดระหว่างคลอด
- ภายหลังการคลอด  คุณสามารถเช้าไปดูลูกได้บ่อยเท่านี้ต้องการหรือไม่  โรงพยาบาลจัดที่พักไว้สำหรับคุณพ่อในช่วงหลังคลอดหรือไม่
  • มีผู้เชียวชาญให้การดูแลใกล้ชิดหรือไม่  กรณีที่คุณต้องการได้รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญด้านแม่และเด็ก  หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลทารกที่คลอดก่อนกำหนดหรือเด็กทารกที่มีปัญหาการให้ยาทางที่ดีแพทย์จะต้องส่งคนไข้ไปยังผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ได้โดยทันทีที่มีอะไรเกิดขึ้น
                      อย่างไรก็ตามแม้ปัจจัยต่างๆ  ที่กล่าวมาข้างต้นจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ของคุณ  แต่คุณไม่ควรกังวลมากเกินไป  เพียงแค่ต้องวางแผนเพิ่มในการเลือกแพทย์และโรงพยาบาลเผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉิน  และเมื่อคุณฝากครรภ์แล้ว  แพทย์จะดูแลคุรเป็นอย่างดี  และคอยให้คำแนะนำคุณตลอดกาตั้งครรภ์
                ที่มา : นิตยสารใกล้หมอ

ลูกผู้ชายกับใส่เลื่อน

ลูกผู้ชายกับใส่เลื่อน




โรคไส้เลื่อน  ทุกข์แค่ไหน  ไม่เป็นไม่รู้หรอกครับ  แต่ถ้าไม่อยากเป็นไส้เลื่อนต้องมาลองทำความเข้าใจเพื่อที่จะได้รู้ว่า “ไส้เลื่อน”  นั้นเป็นอย่างไร
                ไส้เลื่อน  พอบ่อยในผู้ชาย  จนกลายคนคิดว่าผู้หญิงไม่เป็นไส้เลื่อน  เพราะไม่มีถุงอัณฑะให้ไส้เลื่อนลงมา  แต่ความจริงแล้วผู้หญิงก็มีโอกาศเป็นได้แต่ไม่บ่อยเท่าผู้ชายนั้นเอง  เพราะไส้เลื่อนเกิดจากการที่ความดันในช่องท้องมีมากกว่าความดันภายนอก  จนดันผนังช่องท้องให้โป่งออกมา  แล้วในที่สุดลำไส้ก้เคลื่อนออกมาทางช่องบริเวณขาหนีบได้
                ฟังดูแล้วแปลกๆไช่ไหมครับ  ไส่เลื่อนออกมาจากช่องท้อง  เป็นไปได้ยังไง  แล้วอย่างนี้ไม่เลื่อนไหลไปไหนต่อไหนหรอ  แล้วอวัยวะอื่นๆ  จะเลื่อนตามออกมาไหม
                อันที่จริงแล้ว  ในช่องท้องมีอวัยวะหลายอย่างอยู่รวมกัน  เช่น  ตับ ถุงน้ำดี  กระเพราะอาหาร  ลำไส้ใหญ่  ลำไส้เล้ก  ซึ่งอวัยวะเหล่านี้ถูกปกคลุมด้วยเยื่อหุ้มช่องท้อง (peritoneum) และมีผังผืดหรือกล้ามเนื้อหุ้มอีกชั้นเพื่อป้องกันอวัยวะภายใน  แต่ผนังเยื่อหุ้มช้องท้องนี้ไม่ได้ปิดสนิททีเดียว  แต่จะมีรูให้ท่อรังไข่ในผู้หญิง  และท่อรังไข่ในผู้หญิง  และท่อน้ำเชื้อในผู้ชายออกมาได้  ซึ่งภาวะไส้เลื่อนนี้  มี 2 รูปแบบ  คือ  แบบอินไดเร็คและไดเร็ค (indirect inguinal  hernia  และ  direct  inguinal hernia)
  • ไส้เลื่อนแบบอนไดเร็จ (indirect inguinal hernia)
แบบนี้จะเกิดในเด็ก  โดยขณะที่เด็กอยู่ในครรภ์  มีการพัฒนาของอวัยวะต่างๆ  เมื่อมีอายุครรภ์ประมาณ 7 สัปดาห์  อัณฑะจะเคลื่อนที่ออกจากช่องท้องมาอยู่ในถุงอัณฑะ  และรูหรือทางที่มันเคลื่อนที่จะเปิด  แต่เด็กผู้ชายบางคนทางเดินและรูดังกล่าวไม่ปิดทำให้ลำไส้เคลื่อนสู่ถุงอัณฑะ  ซึ่งเราเรียกว่า “ไส้เลื่อน”  มักจะพบในผุ้ชายสำหรับผุ้หญิงก็เกิดโรคนี้ได้เหมือนกัน  โดยรูที่เปิดเกิดจากเยื่อที่ยึดมดลูก round ligament มีการเคลื่นอตัวจึงเรียกว่าไส้เลื่อนนี้เป็นได้ทั้งชายและหญิง
  • Direct inguinal hernia
แบบนี้เกิดภายหลัง  ลำไส้เคลื่อนตัวออกจากช่องท้องลงมาเลย  โดยอาจจะเกิดความดันในช่องท้องเพิ่มมากขึ้นอวัยวะเบียดเสียดกัน  จนต้องหาทางระบายออก  ตำแหน่งไหนที่ผนังเยื่อหุ้มช่องท้องบางมาๆ  หรือหย่อน  ลำไส้ก็จะไหลออกมาเป็ยถุง  กลายเป็นไส้เลื่อนก็ได้ครับ
ทีนี้  อาการของไส้เลื่อนในผู้ใหญ่นี้  มันก็อาจจะบอกได้ถึงความผิดปกติร้ายแรงอื่นๆ  ไม่ไช่เป็นเพียงแค่ไส้เลื่อนเทานั้น  แต่สาเหตุของไส้เลื่อนนี้อาจมาจากความดันในช่องท้องเพิ่มขึ้นจากตับแข็ง  หรือพุงลมโป่งพองมากๆ  ทำให้ความดันในช่องท้องเพิ่มมากขึ้น  ผลที่ตรวจเจอคือ  ไส้เลื่อนแต่ความผิกปกติภายในก็ต้องหาสาเหตุกันต่อไป
บางครั้ง  ไส้ที่เลื่อนออกมาก็อาจเลื่อนกลับเข้าไปในช่องท้องใหม่ได้เหมือนกัน  ถ้าเป้นแบบนี้คุณก็จะไม่มีอาการอะไรอื่นอีก  ไส้เลื่อนออกมาเลื่อนกลับเข้าไปได้เหมือนเดิมถ้าไม่ตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ไส้เลื่อนก็คงจะปล่อยทิ้งไว้  ไม่ได้รักา  และยังไม่ตระหนัก  แต่ถ้าไส้เลื่อนแล้วไม่กลับเข้าไป  คราวนี้ล่ะครับ  จะเกิดความรำคาญใจช่วงแรกๆ  และกลายเป็นทรมานในช่วงหลังๆ
ถ้าไส้เลื่อนลงมาบริเวณขาหนีบ  หรือบริเวณลูกอัณฑะคุณก็จะเกิดความรู้สึกหน่วงๆ  เวลายืนหรือเดิน  แล้วหากทิ้งไว้นานๆ  ไส้เลื่อนลงมาจะขาดเลือดมาหล่อเลี้ยง  อันตรายจะเกิดขึ้นเมื่อเนื้อลำไส้ตายและเริ่มเน่า  คุณจะเจ็บปวดและทรมานอย่างมาก  แถมมีอันตรายมากด้วยครับ
ดังนั้น  หากพบว่ามีก้อนหรือมีอะไรมาดูตุงอยู่แถวๆ  ขาหนีบ  หรือลูกอัณฑธ  หรือาจจะคลำเจอบ้างไม่เจอบ้างแต่ถ้ายกของหนักหรือไอแรงๆ  ก้องจะโผ่ลออกมาจนคลำได้และอาจจะจับได้ถึงเสืยงเคลื่อนไหวของลำไส้เหมือนเวลาเราหิวข้าว  คลำได้เป็นก้อน  แต่อาจจับยัดไส้กลับไปได้แสดงให้เห็นว่าผนังบุช่องท้องบริเวณนั้นอ่อนแอ  ความดันในช่องท้องจะดันเอาลำไส้ออกมา  หรืออย่างบริเวณลูกอัณฑะก้จะเกิดได้ง่าย  เพราะลำไส้จะเคลื่อนออกมาตามแนวของลูกอัณฑะที่เคลบื่อนที่ลงมาจากช่องท้องจนเข้ามาในลูกอัณฑธ  หากเป็นเช่นนี้จะพบว่าลูกอัณฑะมีขนาดใหญ่มากๆและหากปล่อยไว้นานๆ  ลูกอัณฑะจะบวมมาก
ไส้เลื่อนนี้ก่อให้เกิดภาวะแทรกช้อนได้เหมือนกัน  อาทิ
  • ภาวะลำไส้เคลื่อนออกมาแล้วไม่สามารถดันกลับเข้าไปในช่องท้อง (Incarcerted  hernid)
  • ภาวะลำไส้ในถุงมีการบิดทำให้ลำไส้ขาดเลือดไปเลี้ยงจนทำให้ลำไส้เน่า (Stragulated  hernid) ซึ่งจะทำให้เกิดอาการปวดท้องอย่างแรง  ปวดบิด  คลื่นไส้  อาเจียน  หากลำไส้จะปวดทั่วท้อง  ปวดมากจนต้องนอนนิ่งๆ  ไม่สามารถขยัดตัวได้  เพราะปวดมาก  ปวดจนมีไข้
  • อุจจาระไม่สามารถเคลื่อนผ่านลำไส้ได้ (Bowel cbstruction) แบบนี้จะปวดแบปวดมวนๆ  คลื่อนไส้  อาเจียน  ท้องอืดไม่ผายลม
ไส้เลื่อนทั้งสองชนิด  รักษาได้ด้วยการผ่าตัด  เพื่อนำลำไส้กลับไปไว้ในช่องท้องตามเดิม  แล้วเย็บปิดซ่อมอซมผนังเยื่อหุ้มท้องตามเดิม  แล้วเย็บปิดซ่อมแซมผนังเยื่อหุ้มช่องท้องก้เรียบร้อย  ยกเว้นแต่ว่า  มีโรคอื่นๆที่ทำให้เกิดโรคร้าย  แต่เป็นภาวะที่ไปเพิ่มความดันในช่องท้องอย่างมาก  พบว่าคนที่ความดันในช่องท้องสูงอาจจะเกิดจากปัจจัยเหล่านี้  คือ  ตั้งครรภ์  ไอมากๆ  ไอเรื้อรัง  อ้วนมากๆ  ท้องผูก  ต่อมลูกหมากโต  ซึ่งทำให้ต้องเบ่งอย่างแรงขณะปัศสาวะ  ซึ่งจะไปเพิ่มแรงดันในช่องจนอาจเกิดไส้เลื่อนได้
                ที่มา : นิตยสาร ใกล้หมอ

เลือดออกจากช่องคลอดผิดปกติสัญญาณเตือนภัยมะเร็ง

เลือดออกจากช่องคลอดผิดปกติสัญญาณเตือนภัยมะเร็ง



 ประจำเดือนปกติมีเดือนละครั้ง  แต่หากเดือนไหนมามากกว่าหนึ่ง  อีกทั้งยังมีเลือดออกมากผิดปกติหรือแม้แต่แค่กระปริกกระปรอยก็นั่งนอนใจไม่ได้  เพราะบางครั้งอาจเป็นสัญญาณเตือนภัยร้ายอย่างมะเร็ง
                ประจำเดือน  หรือที่เรีกว่า “เมนส์”  เป้นภาวะตามธรรมชาติที่เกิดจากการหลุดของผนังมดลุกที่ไม่ได้มีกี่ปฏิสนธิซึ่งร่างกายก็จะขับออกมาทุกเดือน  โดยทั่วไปเด็กหญิงเมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์จะเริ่มมีประจำเดือนครั้งแรกอายุประมาณ 12 – 13 ปี  ปกติจะมาครั้งละไม่เกิน 7 วัน  ประจำเดือนจะมาเป็นประจำทุกรอบประมาณ 21 – 35 วัน  ก่อนจะเข้าสู้การเปลี่ยนแปลงอีกครั้งเมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนประมาณอายุ 45 – 56 ปี
  • เลือดออกมากผิดปกติ
                  ตามปกติแล้วปรมาณของประจำเดือนที่ถุกขับออกมาในแตะเดือนนั้นจะไม่เท่ากัน  บางคนอาจจะมีประจำเดือนแค่ 3 วัน  วันแรกมาเล็กน้อย  วันที่สองมามาก  และวันที่สามก็มีจางๆ  แล้วหมดไป  หรือบางคนแจจะบอกว่าประจำเดือนมาที่ 5 – 6 วัน  กว่าที่จะจางและหมดไปก็ครบอาทิตย์นึงพอดี
                โดยทั่วไปในแต่ละวันประจำเดือนที่ถูกขับออกมาจะมีปริมาณอยู่ที่ 20 -80 ซีซี  หรือเฉลี่ยประมาณ 35 ซีซี  แต่ที่ดูเหมือนว่ามามาก  ก็เป็นเพราะว่าการขับออกมาของประจำเดือนจะเป้นลักษณะเหมือนน้ำหมด  ไม่ได้ไหลพรวดเดียวเหมือนที่เราเทน้ำ  แต่ประจำเดือนจะถูกขับออกมาทีละนิดอย่างสม่ำเสมอจนว่าจะหมดนั้นเอง
                แต่สำหรับบางรายที่มีปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติ  มีเลือดออกจากช่องคลอดกระปริดประปรอย  หรือมากกว่าปกติก็สร้างกังวลใจให้คุรไม่น้อย  พาลคิดไปต่างๆ  นานกว่าจะเป้นโรคร้ายแรง
               อาการประจำเดือนมากมากปกติเกิดขึ้นไก้มาจากหลายสาเหตุ  อาจเกิดได้จากผลข้างเคียงของยาที่รับประทาน  การใช้ยาคุมกำเนิด  ความเครียด  หรือเกิดจากภาวะติดเชื้อ
อาการเลือดออกผิดปกติที่เกิดขึ้นจากมะเร็ง
                ถ้าผุ้หญิงมีอาการต่อไปนี้  นั้นคือสัญญาณอันตรายที่เป็นข้อบ่งชี้ว่าอาจเกิดจากมะเร็ง
  1. มีเลือดออกจากช่องคลอดกระปริกระปรอย  ทุกวันหรือวันเว้นวัน
  2. มีรอบเดือนประจำเดือนเร็วกว่า 21 วัน  คือ  นับจากวันที่เป้นครั้งแรก  ถ้าหากมีประจำเดือนอีกครั้ง  แต่ไม่ครบรอบ 21 วัน  นั้นก้แสดงว่าเกิดความผิดปกติกับอวัยวะภายใน
  3. มีเลือดออกนอกรอบประจำเดือน  เช่น  รอบนี้เริ่มมาวันที่ 1 มกราคม  2551  มาทั้งหมด 4 วัน  รอบถัดไปเริ่มมาวันที่ 30 มกราคม 2551  มาทั้งหมด 4 วัน  แต่ในวันที่ 15 มกราคม 2551  มีเลือดออกมาอีก
  4. มีเลือดออกจากช่องท้องคลอดปริมาณมาก  มีลักษณะเป็นก้อน  ลิ่มเลือด  หรือใช้ผ้าอนามัยมากกว่าวันละ 5 ผืน
  5. มีเลือดออกหลังมีเพสสัมพันธ์
  6. มีเลือดออกหลังจากเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนไปแล้ว
สาเหตุของอาการเลือดออกผิดปกติได้แก่
  1. การมีเพศสัมพันธ์แล้วไม่ได้คุมกำเนิดจนเกิดการตั้งครรภ์แล้วมีภาวะแทรกซ้อน  เช่น  แท้งบุตร
  2. รับประทานยาบางชนิด  ที่มีส่วผสมของฮอร์โมนเพศหญิง  เช่น  กวาวเครือ  ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้มีเลือดออกผิดปกติได้
  3. ภาวะฮอร์โมนแปรปรวนในวัยที่เพิ่งเริ่มมีประจำเดือนหรือวัยใหล้หมดประจำเดือน  ซึ่งเป็นสาเหตุของเลือดออกผิดปกติ
  4. ภาวะฮออร์โมนแปรปรวนอันเนื่องมาจากความเครียด เช่น  ใกล้สอบ  นอนดึก  ทะเลาะกับแฟน  ก็เป็นสาเหตุของเลือดออกผิดปกติได้
  5. เกิดการอักเสบและติดเชื้อบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์สตรีเช่น  ปากมดลูก  หรือเยื่อบุโพรงมดลูก  ก็สามารถทำให้เกิดแผลแล้วมีเลือดออกได้
  6. มะเร็งในอวัยวะสืบพันธุ์สตรี  เช่น  มะเร็งปากมดลูกหรือมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลุก  ก้เป็นสาเหตุที่ทำให้มีเลือดออกผิดปกติที่พบได้บ่อยเช่นกัน
                 ประจำเดือนออกมาผิดปกติ  ส่วนใหญ่แล้วมักพบว่าเป็นอาการนำของมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะสืบพันธุ์  ซึ่งหากปล่อยไว้โดยไม่รีบรักษา  อาการอาจลุกลามรุงแรงได้ทั้งนี้  หากคุณเองเป็นอีกคนหนึ่งที่มทีปัญหาเลือดประจำเดือนออกมาผิกปกติควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุของความผิดปกติ
               โดยทั่วไปแพทย์จะซักถามประวัติจะซักถามประวัติสุขภาพทั่วไปของผุ้ป่วยในช่วงนี้  เช่น  ประวัติการกินยา  การคุมกำเนิดหลังจากนั้นก็จะทำการตรวจร่างกายไป  เช่น  วัดไข้  ความดันโลหิต  ตรวจภายในและตรวจหามะเร็งปากมดลุกไปพร้อมกัน  ในกรณีแพทย์ไม่สามารถหาข้อสรุปของอาการมีเลือดออกผิดปกติที่ปน่ชัดได้  อาจจะต้องทำการตรวจเลือดตรวจอัลตราชาวน์ด  หรือขูดมดลุกเพื่อนำชิ้นเนื้อไปตรวจวินิฉัยหาเซลล์มะเร็งต่อไป
                ความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับอวัยวะภายในอย่างอวัยวะสืบพันธุ์เป็นเรื่องละเอียดอ่อน  และไม่ควรนิ่งนอนใจ  เนื่องจากความผิดปกติที่เกิดขึ้นอาจมีการดำเนินการโรคมาแล้วระยะหนึ่งแล้วจึงสงสัญาณเตือนภัยให้คุณทราบ  การตรวจภายในประจำทุกปีก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการป้องกันจากฌรคร้ายเนื่องจากสามารถตรวจหาสาเหตุของโรคและตรวจหาชนิดของโรคได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรกที่ยังไม่มีอาการ  และสามารถรักษาให้หายได้
            เมื่อร่างกายส่งสัญาณเตือนร้องขอการดูแล  แล้วคุณจะนิ่งนอนใจได้เชียวหรือ
                ที่มา : นิตยสาร ใกล้หมอ