วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2556

10 ข้อเท็จจริง เรื่องการศัลยกรรมที่คุณควรรู้ก่อนขึ้นเขียง

10 ข้อเท็จจริง เรื่องการศัลยกรรมที่คุณควรรู้ก่อนขึ้นเขียง



         เมื่อสิบกว่าปีก่อน  การศัลยกรรมเป็นไปเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมอย่างปกติสุข  แต่ทุกวันนี้มันกลายเป็นความสวยงามตามใบสั่งไปเสียแล้ว  และไปจำเป็นต้องหลบๆ  ซ่อนๆ  ไปทำ  หรือโกหกอีกต่อไป  ว่าไม่ได้อาศัยมีดหมอเพื่อดูดีเมื่อมีใครถาม
การที่ศัลยกรรมกลายเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ทำให้มันดูเป็นเรื่องไม่อันตรายใรสายตาคนทั่วไปแต่ในความเป็นจริงแล้ว  ศัลยกรรมก็คือการผ่าตัดและการผ่าตัดทุกครั้งมีความเสี่ยง  ไม่ว่าศัลยแพทย์ที่คุณฝากชีวิตไว้ในมือจะเก่งกาจเพียงใด  หรือเครื่องมือที่ใช้ไฮเทคแค่ไหน  มาทำความรู้จักกับศัลยกรรมให้ดีขึ้นก่อนตัดสินใจ
1. ไม่มีการศัลยกรรมที่ไร้รอยแผลเป็น การผ่าตัดเพื่อความงามได้รับการพัฒนาไปมากก็จริง  ในเรื่องการซ่อนเร้นรอยแผลเป็นไว้ตามรอยพับตามธรรมชาติของร่างกายมนุษย์  แต่มันยังคงอยู่บนตัวคุณไม่ได้หายไปไหนแพทย์คนไหนที่บอกว่าสามารถผ่าตัดแบบปราศจากรอยแผลเป็นให้คุณได้นั้น  ไม่ได้พูดความจริง  การดึงหน้าการทำจมูก  การเพิ่มขนาดหน้าอก  การดูดไขมัน  จะไรแผลเป็นได้ก็ต่อเมื่อไม่มีการกรีดหรือการผ่า   และเมื่อไม่มีการกรีดหรือการผ่าสิ่งนั้นก็ไม่ไช่ศัลยกรรม
2. การดูดไขมันไม่สามารถขจัดเซลลูไลท์ ถ้าศัลยแพทย์ที่คุณไปปรึกษาบอกตรงกันข้าม  รีบแผ่นออกจากคลินิกหรือโรงพยาบาลแห่งนั้นให้เรด  การดูดไขมันช่วยให้ร่างกายโดยรวมดูผอมลงและกำจัดจุดมีปัญหาที่การคุมอาหารและออกกำลังกายทำอะไรมันไม่ได้แต่การศัลยกรรมวิธีนี้จะทำให้เซลลูไลท์ที่มีอยู่แล้วย่ำแย่ลง  โดยเฉพาะถ้าไขมันถูกจำกัดออกไปในปริมาณมาก
การดูดไขมันมากเกินไปจะทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นย้วยห้อยหรือพับไปพับมา  ขาบั้นท้ายอาจผิดรูปผิดทรงและไม่ราบเรียบ  สิ่งที่ควรจำไว้คือ  การดูดไขมันที่ต้องขจัดในแต่ละจุดมีมากกว่า 1 – 2 กิโลกรัม  คุรควรพิจารณาการลดน้ำหนักเสียก่อนแล้วจึงค่อยคิดถึงการดูดไขมัน
แม้ไม่มีกฎระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจนว่าไขมันที่จะเอาออกในแต่ละครั้งควรมีปริมาณเท่าไหร่  แต่สมคมศัลยแพทย์พลสติกแห่งอเมริกา (American Society of  Plastic Sureons)  แนะนำว่า  ไม่ควรขจัดไขมันออกเกินครั้งละ 2.5 – 3 กิโลกรัม  เพราะยิ่งดูดไขมันออกมามาก  คนไขก็จะยิ่งเสี่ยงอันตรายมากตามไปด้วยการตัดสินใจที่ผิดพลาดไม่เพียงนำไปสู่ผิดหนังยวยๆ  แต่อาจหมายถึงชีวิต  เพราะสิ่งที่ออกมาพร้อมกับไขมันก็คือเลือด  ถ้าเสียเลือดมากคนไข้จะซ็อก  หัวใจล้มเหลวและเสียชีวิตในที่สุด
3. แน่นอนว่ามันจะเจ็บ ผู้หญิงมีแนวโน้มทนต่อความเจ็บมากกว่าผู้ชาย  แต่ไช่ว่าจะมีขีดจำกัดศัลยกรรมที่เจ็บปวดที่สุด 5 อันดับแรกได้แก่  การลดขนาดหน้าท้อง (เนื้อบางส่วนเกินถูกดเฉือนออกไปและมีการทำสะดือใหม่)  การเพิ่มขนาดหน้าอก  (จะเจ็บมากเพราะตัวเสริมจะถูกนำไปวางไว้หลังกล้ามเนื้อ  ซึ่งหมายถึงว่ากล้ามเนื้อบางส่วนจะถูกตัดออกไป)  ผ่าตัดด้วยเลเซอร์ทั้งหน้า (การใช่เลเซอร์เพื่อลบริ้วรอยและแผลเป็นจะก่อให้เกิดการไหม้ระดัยสอง)  การยกกระซับต้นขา  และสุดท้ายการยกกระซับอื่นๆของร่างกาย
4. มีศัลยกรรมบางอย่างที่อย่าแม้แต่จะคิดทำ อันดับหนึ่งเลยคือ  การเสริมก้น  เพราะมีน้ายมากที่พลลัพธ์จะออกมาดูดีหรือธรรมชาติ  ถ้าไม่ออกมาเหมือนคุณมีกี่สันก็จะดูตลก  นอกจากความจริงที่ว่าขั้นตอนการทำพนั้นแปลกประหลาดแล้ว  มีเหตุผลทางการแพทย์หลายประการที่คุณควรอยู่ให้ไกลจากมัน
แรกเลยก็คือ  กล้ามเนื้อตรงบั้นท้ายเป็นกล้ามเนื้อมันใหญ่ที่สุดในร่างกาย  จึงไม่ควรอย่ายิ่งที่จะใส่สิ่งแปลกปลอม (ตัวเสริม)  เข้าไปยังส่วนที่รับน้ำหนักและแรงกดสูงอยู่แล้วเช่นกัน  นอกจากนี้ก้นยังเป็นอวัยวะที่มีการเคลื่อนไหวและถูกกดทับอยู่เกือบตลอดเวลา  จึงมีความเสี่ยงสูงที่ตัวเสริมจเคลื่อนจากตำแหน่งเดิมหรือปริแตกจากแรงกดดัน
อีกอย่างที่ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวคือ  การฉีดซิลิโคนที่ริมฝีปากเพื่อให้อวบอ่ม  เมื่อฉีดสารถาวรอย่างนั้นเข้าไปผลที่ออกมาจะดูมากเกินไปและแปลกปลอม  ที่ร้ายกว่านั้นการเอาซิลิโคนเหลวออกนั้นยากเย็นแสนเข็ญและอาจสูบเงินในกระเป๋าคุณมากกว่าที่เคยจ่ายเพื่อเอามันเข้าไปหลายสิบเท่าแถมยังทิ้งริ้วรอยแผลเป็นและริมฝีปากแบบผิดมนุษย์มนาไว้ให้ดูต่างหน้าด้วย
5. ศัลยะแพทย์ที่อ อกโฆษณาจนติดหู ไม่ไช่ความคิดที่ดี  โดยทั่วไปศัลยแพทย์ที่ดีย่อมไม่โฆษณา  แต่ไม่ได้หมายความว่าหมอศัลยกรรมทีเห็นตามหน้านิตยสารจะฝีมือห่วน  แต่คนที่เก่งจริงไม่เป็นต้องอาศัยคัตเอาต์ขนาด ใหญ่บนตึกสิบชั้นเพื่อประชาสัมพันธ์ตัวเอง
ถ้าอย่างั้นจะไปหารายชื่อศัลยแพทย์ฝีมือระดับพระกาฬจากไหน  ลองขอคำแนะนำจากหมอทั่วไปที่คุณเชื่ใจดูเพราะคนเป็นหมอย่อมรั้ตื้นลึกหนาบางในวงการแพทย์ที่คนนอกไม่ประสีประสาได้ดีหรือถามคนที่เคยผ่านการศัลยกรรมมาแล้วอย่างน้อยหนึ่งปี  เพื่อให้แน่ใจถึงผลประโยชน์ในระยะยาวจากลงมีดของหมอคนนั้น ๆ  รวมถึงการติดต่อตามผลและการแก้ไขเมื่อเกิดปัญหา
เลือกมาอย่างน้อย 3 คนที่คุณคิดว่าเป็นบุคลากรชั้นแนวหน้าในด้านที่คุณต้องการศัลยกรรม  จากนั้นก็นัดขอคำปรึกษา  แพทย์ที่บอกว่าไม่มีเวลาสำหรับการปรึกษาหรือไม่จำเป็นต้องปรึกษามาลงมีดเลย  คุณควรตัดออกจากสารบบไปซะ  แค่ปรึกษาไม่กี่นาทียังสละไม่ได้ต่อไปถ้าเกิดปัญหาที่หลังเข้าจะมีเวลามาแก้ไขให้คุณหรือ  เขียนข้อสงสัยหรือความกังวลของคุณเป็นข้อๆ  ไม่ว่าคำถามนั้นจะฟังงี่เง่าหรือจิ๊บจ๊อยแค่ไหนก็ตาม  แพทย์ที่ดีจะเต็มใจไขข้อในให้คุณ
6. แพทย์อาจไม่ได้เป็นผู้ลงมือในทุกขั้นตอน ศัลยแพทย์มือทองหลายคนอาจเป็นผู้ให้คำอธิบายคุณในทุกขั้นตอนแต่เมื่อเวลาลงมีดจริงๆ  ผู้ช่วยแพทย์หรือพยาบาลอาจเป็นผู้รับผิดชอบบางส่วน  โดยแพทยืจะเป็นคนลงมือกรีดแต่ปล่อยให้เป็นหนเที่คนอื่นที่จะเย็บหรือตกแต่งแผล  ระหว่างนั้นหมอจะสามารถแวลไปจัดการกับอีกเตียงหนึ่ง  ซึ่งมายถึงรายได้สองเท่าในเวลาเท่าเดิม
จริงๆ  แล้วการเย็บเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก  เพราะเป็นตัวตัดสินว่าแผลและแผลเป็นจะออกมาในรูปแบบไหนนอกจากนี้โอกาศที่ปัญหาบางประการจะได้รับการมองเห็นและวินิฉัยแต่เนิ่นๆ  ก็ลดน้อยลง  เพราะผู้ช่วยแพทย์หรือพยาบาลย่อมไม่มีความเชียวชาญเท่าแพทย์  ก่อนตัดสินใจจึงควรถามรายละเอียดให้กระจ่าง
7. การดมยาสลบอาจถึงตายได้ วิสัญญีแพทย์สามารถทำให้คุณไปพบยมบาลได้ง่ายดายและนุ่มนวลยิ่งกว่าศัลยกรรมเสียอีก  หมอดมยาไม่เพียงรับผิดชอบการทำให้คุรหมดสติแต่ยังรวมถึงการตรวจสอบชีพจร (เช่น  ความดันโลหิตหรือการหายใจ)  ในระหว่างการผ่าตัด  และการทำให้คุณฟื้นขึ้นมาอย่างปลอดภัย  ดังนั้นการได้วิสัญญีแพทย์มือฉมังมาดูแลคุณจึงจำเป็นพอๆ  กับศัลยแพทย์  และถ้าแพทย์สองคนนี้ทำงานร่วมกันมาหลายครั้งก็จะช้วยให้เบาใจได้ว่าจะไม่ต้องจากโลกนี้ไปโดยยังไม่สวยสมใจ
8. อยากรู้ว่าหมอไหนเก่งแค่ไหน ดูที่ภรรยาของเขา  แต่ถ้าจะให้มั่นใจจริงๆ  คุณควรได้เห็นผลงานบนตัวคนเป็นๆ  เพราะรูปภาพนั้นสามารถแก้ไขหรือรีทัชได้  ถ้าแพทย์บอกว่าเข้าไม่มีแม้แต่รูปของคนไขเก่าไว้อ้างอิง  เป็นสัญาณเตือนภัยระดับสีแดงเลยว่าควรโบกมือลาหมอคนนี้โดยไว
เป็นเรื่องจริงที่ว่าภรรยาของศัลยแพทย์ส่วนใหญ่จะเคยผ่านการศัลยกรรมมาแล้วอย่างน้อยหนึ่งครั้ง  และคุณสามารถทราบอะไรเกี่ยวกับหมอผ่าตัดคนได้หนึ่งได้มากมายเพียงแค่มองดูภรรยาของเขา  ลองมองหาภาพครอบครัวซึ่งมักประดับอยู่ในคลินิกถ้าคุณเห็นสิ่งที่เรียกว่า “มากเกินไป”  บนใบหน้าของศรีภรรยาคนนั้น  ก็มีแนวโน้มสูงกกว่าจะได้รับแบบเดียวกัน
9. ผลของศัลกรรมพลาสติกไม่คงอยู่ตลอดไป ถ้าคุณกำลังมองหาอะไรที่ดำรงอยู่ตลอดกาล  ซื้อเพชรสักเม็ดจะมีหวังมากกว่า  วินาทีที่หมอจัดการปิดแผลเสร็จ  แรงโน้มถ่วงของโลกและกระบวนการชราภาพของร่างกายจะตรงเข้ามามีอิธิพลในทันทีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 20 ปี  หลังจากยกกระซับหนเอก  ดอกบัวดู่ของคุณไม่มีทางเด้งดึ๋งดั๋งเหมือนน้อยมันก็จะเป็นรูปเป็นทรงกว่าสภาพที่ควรจะเป็นหากไม่ได้ตัดสินใจทำ  เพราะจะฉะนั้นอย่าคาดหวังสูงเกินจริง
10. คุณจะได้รับในราคาที่คุณจ่ายไป แน่อยู่แล้ว  โลกนี้ไม่มีอะไรฟรีและทุกอย่างย่อมมีที่มาที่ไป  ถ้าคลินิกที่คุณไปฉีดโบท้อกช์คิดราคาคุณแค่ครึ่งหนึ่งของที่อื่นก็เป็นไปได้ว่าคุณจะได้สารโบท็อกช์แค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้นของที่อื่นเช่นกัน  โบทีอกเป็นยาที่ราคาตายตัวและไม่อาจซื้อหาจากที่อื่นหรือผลิตเองได้  ดังนั้นแพทย์จึงไม่สามารถลดราคาเว้นแต่จะลดปริมาณ
การศัลยกรรมก็เช่นเดียวกัน  ถ้าหมอตั้งราคาไว้ต่ำกว่าปกติ  มีความเป็นไปได้สูงกว่าแพทย์คนนั้นจะมีประสบการณ์และหรือเครื่องมือที่มีคุณภาพต่ำกว่าคลินิกที่คิดราคาสูง  แต่ถึงกระนั้นทุกอย่างมีข้อยกเว้นของมัน  อาจจะมีหมอจบใหม่แต่เปี่ยมพรสวรรค์ที่ให้คุณได้มากกว่าหมอมีประสบการณ์ในราคาถูกกว่าครึ่งต่อครึ่ง
แต่โดยทั่วไปแล้วแพทย์ที่ยิ่งผ่านเตียงผ่าตัดมากมาก้กยิ่งเชี่ยวชาญมาก  เรารู้ซึ่งดีว่าแผลแต่ละแบบจะเยี่ยวยาตังเองอย่างไร  คนไข้ลักษณะไหนที่มีความเสี่ยงสูงกว่าปกติ  ศัลยกรรมเป็นสาขาที่ต้องอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์  ประสบการณ์จึงสำคัญอย่างมากสำหรับการก้าวไปสู่จุดสูงสุด  แพทย์เกือบร้อยทั้งร้อยยอมรับว่าสิ่งที่เขาทำหลังสำหเร็จการศึกษามาได้สิบปีดีกว่าสิ่งที่เขาจบใหม่ๆ
อย่างไรก็ตามที่คือ  ใบหน้า  ร่างกายและชีวิตของคุณ  ลัวทำไมคุณจึงไม่คิดจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองล่ะ  ถ้าตอนนี้คุรยังไม่มีปัญหาไม่พบแพทย์รัดับท็อปเท็น  ก็เก็บเงินต่อไปอีกหน่อยดีกว่าไปเสี่ยงกับหมอโนเนม  ถามจริงๆ  เถอะคุณอย่ากให้แพทย์ไร้ฝีมือมาเฉือนเนื้อหนังหรือยุ่งกับหน้าอกคุณจริงๆ  เหรอ
จะสวยด้วยแพทย์ทั้งที่ต้องสวยแบบมีสติ
ที่มา : นิตยสาร alternative  health

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น